ความเป็นมาของ EIA ในประเทศไทย
ประเทศไทยได้ประกาศใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นทางการฉบับแรก คือ พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2518 ซึ่งได้กำหนดให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติขึ้น มีอำนาจหน้าที่ คือ
ต่อมาได้มีการออกพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2521 ทั้งนี้เนื่องจากพระราชบัญญัติ ฉบับที่ 1 มิได้มีการระบุให้แน่ชัดเกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติบางเรื่อง จึงก่อให้เกิดปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการ ดังนั้น จึงได้มีการแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติ ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2518 โดยได้กำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติให้ชัดเจนและรัดกุมขึ้นกว่าเดิมรวม 3 ประการ คือ
1. กำหนดให้มีการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการพัฒนาของรัฐและกิจกรรมบางประเภทของเอกชน
2. ให้อำนาจในการกำหนดมาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อม ที่มิได้อยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยราชการใด ตลอดจนการกำหนดวิธีการตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม
3. ดำเนินการในด้านการจัดการเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในกรณีที่ฉุกเฉิน
สำหรับกฎหมายที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ สำนักงานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติสามารถเสนอแนะให้มีการปรับปรุงแก้ไขเพื่อเอื้ออำนวยต่อการบริหารสิ่งแวดล้อม และแก้ไขอุปสรรคและข้อขัดข้องในทางปฏิบัติได้
ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2524 สำนักงานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ได้กำหนดให้มีการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการ หรือกิจการบางประเภทและบางขนาด โดยอาศัยอำนาจตามประกาศกฎกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการพลังงานซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2524 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้มีการศึกษาเกี่ยวกับทรัพยากรสิ่งแวดล้อมและคุณค่าต่าง ๆ ที่มีต่อมนุษย์ที่อาจจะถูกกระทบกระเทือน เนื่องจากโครงการหรือกิจการนั้น ๆ (สำนักงานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2527)
ในปี พ.ศ. 2535 ได้มีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงกฎหมายสิ่งแวดล้อมออกเป็น พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535ในส่วนของการทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมได้ปรากฏใน ส่วนที่ 4 มาตราที่ 46 ถึง มาตราที่ 51
กฎหมายฉบับดังกล่าวได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์แก่ผู้รักษาการ (แต่ยังมิได้ระบุไว้ในมาตราโดยตรง) วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ แนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตลอดจนเอกสารที่เกี่ยวข้องซึ่งต้องนำเสนอพร้อมรายงานฯ เพิ่มเติม
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ได้ระบุไว้ชัดในมาตราที่ 56 โดยมีประเด็นหลักที่สำคัญ คือ โครงการพัฒนาใด ๆ ก็ตามที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตชุมชน จะไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจการใด ๆ หากไม่มีการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมก่อน ดังนั้น จากกฎหมายหลักฉบับนี้ของไทย ทำให้กฎหมายและข้อบังคับต่าง ๆ ต้องปฏิบัติตามภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว
ตัวอย่างประเภทและขนาดโครงการ
หรือกิจการที่ต้องจัดทำรายงาน EIA
ลำดับ
|
ประเภทโครงการหรือกิจกรรม
|
ขนาด
|
1.
|
เขื่อนเก็บกักน้ำหรืออ่างเก็บน้ำ
|
ที่มีปริมาณเก็บกักน้ำตั้งแต่ 100,000,000 ลบ.ม.
ขึ้นไปหรือมีพื้นที่เก็บกักน้ำตั้งแต่ 15 ตร.กม. ขึ้นไป |
2.
|
กรมชลประทาน
|
ที่มีพื้นที่การชลประทาน ตั้งแต่ 80,000 ไร่ ขึ้นไป
|
3.
|
สนามบินพาณิชย์
|
ทุกขนาด
|
4.
|
โรงแรมหรือสถานที่พักตากออากาศ
|
ที่มีจำนวนห้องพักตั้งแต่ 80 ห้องขึ้นไป
|
5.
|
ระบบทางพิเศษตางกฎหมายว่าด้วยการทางพิเศษ หรือโครงการที่มีลักษณะเช่นเดียวกับทางพิเศษ หรือระบบขนส่งมวลชนที่ใช้ราง
|
ทุกขนาด
|
6.
|
การทำเหมืองตามกฎหมายว่าด้วยแร่
|
ทุกขนาด
|
7.
|
นิคมอุตสาหกรรมตามกฎหมายว่านิคมอุตสาหกรรม หรือโครงการที่มีลักษณะเช่นเดียวกับนิคมอุตสาหกรรม
|
ทุกขนาด
|
8.
|
ท่าเรือพาณิชย์
|
ที่สามารถรับเรือขนาดตั้งแต่ 500 ตันกรอสขึ้นไป
|
9.
|
โรงไฟฟ้าพลังความร้อน
|
ที่มีกำลังผลิตไฟฟ้าตั้งแต่ 10 เมกกะวัตต์ขึ้นไป
|
10.
|
การอุตสาหกรรม
| |
(1) อุตสาหกรรมปิโตรเคมี
ที่ใช้วัตถุซึ่งได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม และ/หรือการแยกก๊าซธรรมชาติในกระบวนการผลิต |
ตั้งแต่ 100 ตันต่อวันขึ้นไป
| |
(2) อุตสาหกรรมกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม
|
ทุกขนาด
| |
(3) อุตสาหกรรมแยกหรือแปลสภาพก๊าซธรมชาติ
|
ทุกขนาด
| |
(4) อุตสาหกรรมคลอ-แอลคลอไลน์ ที่ใช้ในการผลิตโซเดียมคาร์บอเนต โซเดียมไฮดรอกไซด์ กรดไฮโดรคลอริค คลอรีน โซเดียมไฮโพคลอไรด์ และปูนคลอรีน
|
ที่มีกำลังการผลิตสารดังกล่าวแต่ละชนิดหรือ
รวมกันตั้งแต่ 10 ตันต่อวันขึ้นไป | |
(5) อุตสาหกรรมเหล็กและ/หรือเหล็กกล้า
|
ที่มีกำลังผลิตตั้งแต่ 100 ตันต่อวันขึ้นไป
| |
(6) อุตสาหกรรมผลิตปูนซีเมนต์
|
ทุกขนาด
| |
(7) อุตสาหกรรมถลุงแร่หรือหลอมโลหะ ซึ่งมิใช่อุตสาหกรรมเหล็กหรือเหล็กกล้า
|
ที่มีกำลังผลิตตั้งแต่ 50 ตันต่อวันขึ้นไป
| |
(8) อุตสาหกรรมผลิตเยื่อกระดาษ
|
ที่มีกำลังผลิตตั้งแต่ 50 ตันต่อวันขึ้นไป
| |
11.
|
โครงการทุกประเภทที่อยู่ในพื้นที่ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เห็นชอบกำหนดให้เป็นพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 บี
|
ทุกขนาด
|
12.
|
การถมที่ดินในทะเล
|
ทุกขนาด
|
13.
|
อาคารที่ตั้งอยู่ริมน้ำ ฝั่งทะเล ทะเลสาบ หรือ ชายหาด หรือที่อยู่ใกล้ หรือในอุทยานแห่งชาติ หรืออุทยานประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นบริเวณที่อาจก่อให้เกิด ผลกระทบกระเทือนต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม
|
1.ความสูงตั้งแต่ 23.00 เมตร ขึ้นไป หรือ
2.มีพื้นที่รวมกันทุกชั้นหรือชั้นหนึ่งชั้นใดใน หลังเดียวกัน ตั้งแต่10,000 ตารางเมตรขึ้นไป |
14.
|
อาคารอยู่อาศัยรวมตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร
|
ที่มีจำนวนห้องพักตั้งแต่ 80 ห้องขึ้นไป
|
15.
|
การจัดสรรที่ดินเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยหรือเพื่อประกอบการพาณิชย์
|
จำนวนที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ 500 แปลงขึ้นไป
หรือเนื้อที่เกินกว่า 100 ไร่ |
16.
|
โรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล
(1) กรณีตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ฝั่งทะเล ทะเลสาบ หรือชายหาด ซึ่งเป็นบริเวณที่อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบกระเทือนต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม (2) กรณีโครงการที่ไม่อยู่ในข้อ (1) | 1.ที่มีเตียงสำหรับผู้ป่วยไว้ค้างคืนตั้งแต่ 30 เตียง ขึ้นไป 2.ที่มีเตียงสำหรับผู้ป่วยไว้ค้างคืนตั้งแต่ 60 เตียง ขึ้นไป |
17.
|
อุตสาหกรรมผลิตสารออกฤทธิ์ หรือสารที่ใช้ป้องกันหรือกำจัดศัตรูพืชสัตว์โดยกระบวนการทางเคมี
|
ทุกขนาด
|
18.
|
อุตสาหกรรมปุ๋ยเคมีโดยกระบวนการทางเคมี
|
ทุกขนาด
|
19.
|
ทางหลวงหรือถนนซึ่งมีความหมายตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวงที่ตัดผ่านพื้นที่ดังต่อไปนี้
(1) พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าตามกฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า (2) พื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ (3) พื้นที่เขตลุ่มน้ำชั้น 2 ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแล้ว (4) พื้นที่เขตป่าชายเลนที่เป็นป่าสงวนแห่งชาติ (5) พื้นที่ชายฝั่งทะเลในระยะ 50 เมตร ห่างจากระดับน้ำทะเลขึ้นสูงสุด | ทุกขนาดที่เทียบเท่าหรือสูงกว่ามาตรฐานต่ำ สุดของทางหลวงชนบทขึ้นไป โดยรวมความถึง การก่อสร้างคันทางใหม่เพิ่มเติมจากคันทาง ที่มีอยู่ |
20.
|
โรงงานปรับปรุงคุณภาพของเสียรวม เฉพาะสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน
|
ทุกขนาด
|
21.
|
อุตสาหกรรมประกอบกิจการเกี่ยวกับน้ำตาล
ดังต่อไปนี้
(1) การทำน้ำตาลทรายดิบ น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์
(2) การกลูโคส เดกซ์โทรส ฟรักโทส หรือผลิตภัณฑ์อื่นที่คล้ายคลึงกัน |
ทุกขนาด
|
22.
|
การพัฒนาปิโตรเลียม
(1) การสำรวจและ/หรือผลิตปิโตรเลียม (2) ระบบการขนส่งปิโตรเลียมและน้ำมันเชื้อเพลิงทางท่อ |
ทุกขนาด
ทุกขนาด |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น